ห้องเรียนกรรมฐาน
พุทธวิหาร ศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ
วัดพระธรรมจักร จังหวัดนครนายก

"ดอกบัว ๔ จำพวก"หลักจากพาณิชทั้งสองจากไป พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปที่ใต้ต้นไทร(อชปาลนิโครธ)


"ดอกบัว ๔ จำพวก"

หลักจากพาณิชทั้งสองจากไป พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปที่ใต้ต้นไทร(อชปาลนิโครธ) อีกครั้งหนึ่ง ณ ที่นี้ทรงตัดสินพระทัยว่า จะเทศนาสั่งสอนวิชาการดับทุกข์ที่ทรงตรัสรู้ดีไหม
.
เพราะพิจารณาดูโดยรวมแล้ว ทรงรู้สึกว่า ความเป็นจริงที่พระองค์ตรัสรู้นั้น ลึกซึ้งมากยิ่งนัก ยากต่อการที่จะมีผู้รู้ตามได้ ทรงรู้สึกว่าการสอนถึงขั้นให้ได้ผลเป็นเรื่องที่ยากมาก
.
การที่พระองค์จะสละการปรินิพพานในขณะนั้น เพื่อทำการสอน น่าจะเป็นไปได้โดยยาก อาจจะเหนื่อยเปล่า ที่สุดพระองค์ทรงแยกปัญญาแห่งมวลมนุษย์ออกเป็น ๔ กลุ่ม เปรียบดังดอกบัว ๔ จำพวก ดังนี้
.
กลุ่มที่ ๑ อุคฆฏิตัญญู คือกลุ่มผู้มีปัญญาดีเยี่ยม บุคคลกลุ่มนี้อินทรีย์แก่มากที่สุดแล้ว เพียงแค่ฟังหัวข้อธรรมโดยย่อเท่านั้น ก็สามารถรู้ธรรม นำสู่การปฏิบัติจนถึงมรรคผลนิพพานได้
.
เวลาปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณจะเริ่มที่พลวอุทยัพพยญาณ คืออุทยัพพยญาณอย่างแก่ เปรียบเหมือนดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว เพียงต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบาน ในฉับพลัน วิปัสสนาญาณในการปฏิบัติจึงมี ๙ ญาณ
.
กลุ่มที่ ๒ วิปจิตัญญู คือกลุ่มผู้มีปัญญาดี บุคคลกลุ่มนี้อินทรีย์แก่ไม่มาก ฟังธรรมโดยย่อยังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายขยาย ความให้พิสดารลึกซึ้งจึงเข้าใจ สามารถนำสู่การปฏิบัติ จนถึงให้ผลสูงสุดได้
.
เวลาปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ จะเริ่มที่พลวสัมมสนญาณ คือสัมมสนญาณแก่ๆ เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่เสมอน้ำ จะพ้นน้ำและบานในวันต่อไป วิปัสสนาญาณในการปฏิบัติจึงมี ๑๐ ญาณ
.
กลุ่มที่ ๓ เนยยะ คือกลุ่มผู้มีปัญญา มีอินทรีย์อ่อน แต่สามารถปรับพัฒนาให้เจริญขึ้นจนแก่ได้ กลุ่มนี้ฟังธรรมโดยย่อไม่เข้าใจ อธิบายขยายความให้พิสดารลึกซึ้งก็ยังไม่เข้าใจ ต้องอธิบายขยายความซ้ำๆ บ่อยๆ จึงเข้าใจ และนำสู่การปฏิบัติจนถึงให้ผลสูงสุดได้
.
เวลาปฏิบัติธรรม วิปัสสนาญาณจะเริ่มที่นามรูปปริจเฉทญาณ เปรียบเหมือน ดอกบัวที่ยังอยู่ใต้น้ำแต่เริ่มแก่แล้ว ไม่นานก็จะพ้นน้ำในวันต่อๆไปและจะบานในที่สุด วิปัสสนาญาณในการปฏิบัติ จึงมี ๑๖ ญาณ
.
ในสามกลุ่มนั้น เฉพาะผู้ได้ฌานที่เรียกว่า ?ฌาน ลาภี? ผู้มีฌานเป็นสมบัติ สามารถศึกษาวิปัสสนาญาณพิเศษ ๘ ญาณ เช่น มโนมยิทธญาณ อิทธิวิธิญาณ เป็นต้น
.
กลุ่มที่ ๔ ปทปรมะ คือกลุ่มผู้ที่ปัญญาในการตรัสรู้ตามยังไม่มี อินทรีย์อ่อนสุด ยังไม่สามารถที่จะพัฒนาให้แก่ถึงขีดสุดได้ กลุ่มนี้จะฟังธรรมอย่างไรๆ ก็ไม่สามารถนำสู่การปฏิบัติจนถึงให้ผลสูงสุด คือมรรคผลนิพพานได้
.
เวลาปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณจะเริ่มที่นามรูปปริเฉทญาณ แต่จะพัฒนาได้ไม่เกินปัจจยปริคคหญาณ เปรียบเหมือนดอกบัวที่เพิ่งจะโผล่ออกมาจากโคลนตมยังอ่อนอยู่ ดอกบัวกลุ่มนี้อาจจะเป็นเหยื่อของเต่าของปลาได้ แต่ถ้าพัฒนาให้เติบโตพ้นจากวัยแห่งเหยื่อเต่าปลา ก็จะสามารถพ้นน้ำและบานได้ในที่สุด
.
พระธรรมจักรเทศนาฎีกา ตอนที่ : ๗
โดย พระครูภาวนาวิสุทธิคุณ วิ. (ชัชวาล ชินสโภ) พธ.บ ๓๕
อธิบดีสงฆ์ พุทธวิหาร ศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ


ปรับปรุง ณ วันที่ 2022-11-08