ภิกษุ ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์

พระผู้มีพระภาคเสด็จไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ตอนแรกปัญจวัคคีย์ยังมีความ ไม่พอใจอยู่ เมื่อเห็นพระองค์เสด็จมาแต่ไกล ต่างตกลงกัน ว่าจะไม่ต้อนรับพระองค์ จะทำเพียงปูลาดอาสนะไว้ หาก พระองค์จะประทับก็จงประทับ ไม่ประทับก็ช่าง แต่เมื่อ พระองค์เสด็จมาถึงเข้าจริง ๆ กลุ่มปัญจวัคคีย์ก็ลืมสัญญา ที่พูดกันไว้ ต่างลุกขึ้นไปต้อนรับ ท่านหนึ่งรับบาตร ท่าน หนึ่งรับจีวร ท่านหนึ่งตักน้ำล้างพระบาท ปูลาดอาสนะ แล้วอาราธนาให้ประทับนั่ง ทำหน้าที่กันไปตามปกติ อรุณรุ่งอีกวัน ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ก่อน พุทธศักราช ๔๔ ปี ๑๐ เดือน

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับตามสมควร และทรงสามารถปรับความเข้าใจผิด ของพราหมณ์ปัญจวัคคีย์ ให้มีความพร้อมที่จะฟังธรรม แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น พระอรหันต์อานนท์ได้ เล่าให้ฟัง มีจารึกในพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหา วารวรรคว่า เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้า (อานนท์) ได้สดับมา แล้วอย่างนี้ เอกํ สมยํ ภควา กาลครั้งหนึ่งพระผู้มีพระ ภาคเจ้า พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย ประทับ อยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี ตตฺร โข ภควา ปญฺจวคฺคิเย ภิกฺขู อามนฺเตสิ ครั้งนั้นแล พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุปัญจวัคคีย์ทั้งหลาย

จากพุทธวาจาที่ตรัสเรียกปัญจวัคคีย์ว่า “ภิกษุ” นี้ ขอถามว่าในตอนนั้นปัญจวัคคีย์บวชพระหรือยัง พระสงฆ์ องค์แรกยังไม่ได้เกิด แต่ทำไมพระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ภิกษุทั้งหลาย นั่นเพราะภิกษุในพระพุทธศาสนามีอยู่ ๒ จำพวก จำพวกหนึ่งโดยวินัย อีกจำพวกหนึ่งโดยธรรม

ภิกษุหรือสงฆ์โดยวินัยนั้น ต้องมีคุณสมบัติตามที่ กำหนดไว้ในพระวินัย คือต้องเป็นผู้ชาย ต้องเป็นมนุษย์ อายุ ๒๐ ปีขึ้นไป พ่อแม่ต้องอนุญาต มีอุปัชฌาย์ มีชื่อ ตนเองที่อุปัชฌาย์ตั้งให้ มีบาตร มีไตรจีวร จึงได้สิทธิ์บวช ตามระเบียบ พอเป็นพระสงฆ์แล้วศีล ๒๒๗ ซึ่งเป็นปกติ ศีลของพระสงฆ์ จะประกอบมาพร้อมกับการเป็นภิกษุโดย วินัย ต้องรักษาศีลทั้งในปาฏิโมกข์และนอกปาฏิโมกข์ จัด เป็นพระสงฆ์หรือภิกษุโดยศีล และหากขาดสติไม่มีศีล บางข้อสามารถแก้ไขได้ก็แก้ไข แต่บางข้อแก้ไขไม่ได้ ก็ขาด จากความเป็นภิกษุหรือพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไป

ภิกษุหรือสงฆ์โดยธรรม คืออย่างไร พระอรรถกถา- จารย์ให้ความหมายว่า สํสาเร ภยํ อิกฺขติ ภิกฺขุ ผู้ใด เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ ผู้นั้นได้ชื่อว่า “ภิกขุ” ดังนั้นภิกษุ โดยธรรมจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป ไม่จำเป็น ต้องเป็นชาย ไม่จำเป็นต้องพ่อแม่อนุญาต ไม่จำเป็นต้อง มีบาตร จีวร ไม่จำเป็นต้องมีอุปัชฌาย์ เพราะผู้ใดก็ตาม ที่เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ ผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นภิกษุ เช่นนาง วิสาขามหาอุบาสิกา เป็นต้น ท่านอายุเท่าไหร่ตอนที่ได้ โสดาบัน อายุเพียง ๗ ปีเท่านั้น เป็นผู้หญิงด้วย เป็นเด็ก อีกต่างหาก ดังนั้นพระสงฆ์โดยธรรมนี่เป็นสามเณรก็ได้ เป็นพระ สงฆ์ก็ได้ การเป็นภิกษุหรือสงฆ์โดยธรรม จึงไม่เลือกชั้น วรรณะ เพศ วัย ศาสนา ใครก็ตามที่เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ บุคคลนั้นชื่อว่าเป็นภิกษุ ทุกคนจึงได้สิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มี ใครได้มากได้น้อยกว่ากัน ภูมิใจไหม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์ไว้ในบทสังฆคุณว่า โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์นี้แหละ ทรงยืนยันว่า เป็นสงฆ์สาวกของพระองค์ สมควรต้อนรับขับสู้ กราบไหว้บูชา ทำบุญอุทิศให้ผู้เสียชีวิต เพราะเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐสุดยอดของโลก ดังนั้นคำว่าภิกษุในที่นี้ หมายเฉพาะเจาะจงถึงภิกษุ โดยธรรม คือ ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ ด้วยเหตุนี้แม้ว่า ปัญจวัคคีย์จะยังไม่ได้บวชเป็นพระ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ตรัสเรียกว่าเป็น “ภิกษุ” ดังนี้

 

ที่มา:จากหนังสือพระธรรมจักรเทศนาฏีกา

 



ปรับปรุง ณ วันที่ 2022-12-11