ภาวนาอย่างไรจิตจึงหลุดพ้นจากกิเลสได้.ผู้ปฏิบัติที่ต้องการเข้าถึงมรรคผลนิพพาน


ภาวนาอย่างไรจิตจึงหลุดพ้นจากกิเลสได้
.
ผู้ปฏิบัติที่ต้องการเข้าถึงมรรคผลนิพพาน เพื่อดับทุกข์ให้สิ้นซาก จำเป็นต้องพัฒนามรรค ๘ (บุพภาคมรรค) ซึ่งเป็นมรรคที่ต้องทำก่อนโลกุตตรมรรคให้เรียบร้อยดีอย่างไม่มีที่ติ
.
ทั้งในอารมณ์หลักและอารมณ์รอง อันมีกายานุปัสสนาได้แก่งานในอานาปานปัพพะ อิริยาปถปัพพะ สัมปชัญญปัพพะ ซึ่งเป็นส่วนของงานการขึ้นกัมมัฏฐาน
.
โดยเฉพาะสัมปชัญญปัพพะ ผู้ปฏิบัติต้องทำให้มรรค ๘ เกิดอย่างเรียบร้อยทั่วถึงถี่ถ้วน อย่างชนิดไม่มีที่ติให้สำเร็จให้จงได้
.
ส่วนสภาวะได้แก่ ธาตุมนสิการปัพพะ นวสีวถิกาปัพพะและปฏิกูลมนสิการปัพพะ จะปรากฏชัดเจนเป็นบริกรรมนิมิต(เครื่องหมายหรืออารมณ์ที่ใช้ภาวนา) ที่ผู้ปฏิบัติต้องทำให้มรรค ๘ เกิดทุกอารมณ์ที่ปรากฏอย่างทั่วถึงถี่ถ้วน
.
เพื่อให้พลวอุปจารสมาธิหรือฌานเกิดขึ้น เป็นวิกขัมภนปหาน ป้องกันกิเลสหยาบไม่ให้เกิด พร้อมทั้งพัฒนามัชฌิมาปฏิปทา ให้จิตสะอาดมีพลังมากเพียงพอต่อการรองรับโลกุตตรมรรค
.
อย่างนี้เป็น "เจโตวิมุตติ" หลุดพ้นจากกิเลสเหตุเกิดของทุกข์ ด้วยอำนาจการข่มจิตตามกำลัง "อัปปนาสมาธิ" มีทั้งระดับพลวอุปจารสมาธิและฌาน
.
เมื่อใดที่กลุ่มงานโลกุตตรมรรค อันได้แก่ อนุโลมญาณ โคตรภูญาณ โลกุตตรมรรค โลกุตตรผล ปัจจเวกขณญาณปรากฏ การรู้เห็นกิเลสที่หมดแล้ว
และที่ยังเหลือเป็นอย่างนี้
.
คือการศึกษาสมณธรรมชั้นต้นทั้ง ๓ ทุกขั้น ตั้งแต่โสดาบันจนถึงอานาคามี จะเห็นทั้งกิเลสที่ "วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ" คือพ้นแล้ว และ "อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ" กิเลสที่ยังไม่พ้น
.
คงมีเพียงอรหัตตมรรคญาณเท่านั้นที่เมื่อปรากฏขึ้นแล้ว ปัจจเวกขณญาณ เห็นแต่กิเลสที่หมด ที่พ้นแล้ว ไม่เห็นกิเลสที่เหลือเป็น "วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตตนฺติ ปชานาติ" กิเลสที่หมดแล้ว จิตหลุดพ้นแล้วอย่างเดียว
.
ธรรมเทศนาโดย
หลวงพ่อชัชวาล ชินสโภ


ปรับปรุง ณ วันที่ 2022-11-08