ปัญญาที่เกิดพร้อมกับกิเลสดับเป็นอย่างไร?.พระบรมศาสดาตรัสในอานาปานสติสูตรว่าอภิปฺปโมทยํ 
.
พระบรมศาสดาตรัสในอานาปานสติสูตรว่า
อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ สิกฺขติ
เป็นการศึกษาวิธีการทำจิตให้สะอาดอยู่
ขณะนั้นย่อมเห็นจิตสะอาด
.
สมาทหํ จิตฺตํ สิกฺขติ
ขณะจิตนั้นกำลังศึกษาการทำจิตให้มีสมาธิอยู่
.
วิโมจยํ จิตฺตํ สิกฺขติ
กำลังศึกษาวิธีพรากกิเลส วิธีล้างบาป
วิธีไถ่บาป วิธีลอยบาปออกจากจิตอยู่
.
อนิจฺจานุปสฺสี สิกฺขติ
กำลังศึกษาวิธีการตามดูอนิจจังอย่างถูกต้องอยู่
.
วิราคานุปสฺสี สิกฺขติ
กำลังศึกษาวิธีการคลายกำหนัด
วิธีการสำรอกกิเลสออกจากจิตอยู่
.
นิโรธานุปสฺสี สิกฺขติ
กำลังศึกษาวิธีการตามดูนิโรธอยู่
.
ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี สิกฺขติ
กำลังศึกษาวิธีสละคืนกิเลสให้ออกไปจากจิตอยู่
.
แสดงว่าตรงนั้นใจสะอาด
ตรงนั้นสมาธิเกิด
ตรงนั้นกำลังไถ่บาป
กำลังล้างบาป
กำลังลอยบาป
กำลังชำระบาป
กำลังพรากกิเลสออกจากจิต
กำลังดับกิเลส
.
ตรงนั้นไตรลักษณ์ปรากฏชัดเจน
ตรงนั้นนิโรธเกิด
ตรงนั้นมรรคเกิด
ตรงนั้นการสำรอกกิเลสเกิด
ตรงนั้นการสละกิเลสเกิด
.
มองเห็นได้ด้วยตนเองไม่ต้องคิดเลย
ตรงกันข้าม ปัญญาเกิดพร้อมกับการทำลายคิดต่างหาก
ต้องทำลายความคิดจึงได้ปัญญามา
เหล่านี้ถูกเรียกว่า "ภาวนามยปัญญา"
.
ฉะนั้น ภาวนามยปัญญากับจินตามยปัญญา
จึงต่างกันโดยสิ้นเชิง
และคุณภาพความสะอาดของจิต
ก็ต่างกันอย่างชนิดไม่มีสิทธิ์เทียบ
.
ธรรมเทศนาจาก
หลวงพ่อชัชวาล ชินสโภ
ปรับปรุง ณ วันที่ 2022-11-08
หน้า 1 |