?รูปปรมัตถ์? กับ ?รูปบัญญัติ? ต่างกันอย่างไร.เริ่มจากรูปบัญญัติเลยนะ 
.
เริ่มจากรูปบัญญัติเลยนะ
ร่างกายนี้เป็นรูปบัญญัติใช่หรือเปล่า
ถ้าคนไม่เคยทำกัมมัฏฐานจะชี้แจงไม่ถูกต้อง
จะฟังก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ
.
เพราะอะไร เพราะรูปร่างกายมันไม่มีเกิดและดับ
เนื่องจากร่างกายนี้ ประกอบอยู่ด้วยธาตุบัญญัติ
ธาตุบัญญัติกับธาตุปรมัตถ์ต่างกันนะ
.
ธาตุบัญญัติ เช่น ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มีอยู่ในตัวคน
พอคนตายเอาไปเผา น้ำก็ระเหยกลายเป็นไอ
พอผนังเซลล์แตก ธาตุลมก็ปนอยู่ในอากาศไม่ดับ
.
ลมก็หิ้วน้ำไปด้วย
พอไปถึงสัปเหร่อมันก็เข้าไปในจมูกสัปเหร่อ
จากคนตายกลายเป็นสัปเหร่อ
พอไปเจอลูกหลานร้องไห้งอแง
อยู่แถวนั้นก็เข้าจมูกลูกหลาน
.
ตอนนี้คนตายกลายเป็นลูกหลานไปหมดแล้ว
ไปเจอหมู หมา กา ไก่ ต้นไม้
หายใจเข้าไปก็อยู่ในสิ่งเหล่านั้น
กลายเป็นสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว
ไม่เห็นดับตรงไหน
.
ส่วนที่เหลือก็ปนไปกับลม ลมคนตาย ต้นไม้ตาย
ลมหายใจของคน ของสัตว์ ประเทศนี้
หายใจไม่หมดก็ไปประเทศโน้น ไม่รู้จักจบสิ้น
ไม่ดับ ถ้าดับ หลายล้านปีมานี้
คงหมดโลกไปนานแล้ว
.
น้ำเหมือนกัน พอเหลือจากคนหายใจ
ต้นไม้หายใจ สัตว์หายใจ
มันก็ปนไปกับน้ำที่ระเหยออกมาจากในคลอง
หนอง บึง ระเหยออกมาจากหม้อข้าว
จากลมหายใจของคน ของสัตว์ จากอุจจาระ ปัสสาวะ
น้ำเหงื่อ น้ำหนอง น้ำเลือด น้ำตา น้ำมูก
น้ำลาย ปนอยู่ในอากาศที่เราหายใจ
.
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอากาศที่เข้าจมูกเรา
ณ ปัจจุบันนี้มาจากไหน ถ้ามันดับไปจะเหลือไหม
แสดงว่าจริง ๆ แล้วไม่ดับ
หายใจไม่หมดก็ไปควบแน่นเป็นเม็ดฝนหล่นลงมา
หล่นมาบนกองขี้เถ้าที่สัปเหร่อกองไว้ข้างนอกใช่ไหม
.
น้ำพาขี้เถ้าสลายลงไปในดิน ต้นไม้ก็ดูดไป
ต้นหว้าดูดไปเป็นลูกหว้า
มะพร้าวดูดไปเป็นลูกมะพร้าว
น้ำมะพร้าวแล้ว คนก็เอามากินกลายเป็นคนอีก ไม่มีดับ
.
ลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่ปรมัตถ์ เพราะเปลี่ยนแปลงได้
จากคนตายกลายเป็นคนเป็นก็ได้
เป็นต้นไม้ก็ได้ เป็นสัตว์
เป็นลูกเป็นหลานของคนตายก็ได้
เป็นสัปเหร่อก็ได้
.
อย่างนี้เปลี่ยนแปลงได้ไม่มีดับ
เหมือนศาลาหลังนี้ ถ้าเรารื้อออกไป
หลังคาก็เป็นแผ่นกองอยู่นี่ มันดับตรงไหน
คานก็ลงไปวางโน่น เสาก็วางอยู่นั่น ไม่เห็นดับ
จะเห็นแค่มันเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
.
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ไม่ดับ
จัดเป็นบัญญัติไม่ใช่ปรมัตถ์
.
ธรรมเทศนาจาก
หลวงพ่อชัชวาล ชินสโภ
อธิบดีสงฆ์แห่งพุทธวิหารศูนย์กลางการศึกษาวิปัสสนาธุระ
ปรับปรุง ณ วันที่ 2022-11-08
หน้า 1 |