กรรมนิมิต เมื่อมรณกรรมจะมาถึง จะเห็นภาพกรรมที่ตนได้เคยกระทำไว้ในก่อน


กรรมนิมิต
เมื่อมรณกรรมจะมาถึง จะเห็นภาพกรรมที่ตนได้เคยกระทำไว้ในก่อน เช่นถ้าเห็นเป็นภาพการทำบุญกุศล จะรู้สึกว่าได้ที่พึ่งจึงยินดีปีติ ดับแล้วก็จะไปเกิดในสวรรค์ ถ้าเห็นภาพกรรมที่ตนทำความชั่วเป็นบาปอกุศล จะรู้สึกขาดที่พึ่งและกลัว ก็จะไปเกิดในอบายภูมิ ภพใดภพหนึ่ง

ถ้าได้เจโตสมาธิ คือทำสมถกัมมัฏฐานมา จนถึงได้อัปปนาสมาธิ คืออย่างน้อยได้ปฐมฌานขึ้นไป เมื่อมรณกรรมมาถึง ภาพกรรมนิมิตปรากฏ จะเห็นภาพว่าตนกำลังทำกรรมดี หรือกรรมชั่วในอดีตก็ตาม ผู้ทำสมถะถูกต้อง รู้ว่าภาพที่ปรากฏเป็นแค่นิมิต คือเครื่องหมายให้รู้ได้เห็นได้เพื่อใช้เป็นอารมณ์กัมมัฏฐานเท่านั้น

ไม่ใช่ของจริง มีสติตรึกรู้อยู่เสมอไม่ให้ยึดติด ให้ใช้เพียงแค่อาศัยเป็นอารมณ์สมถกัมมัฏฐาน ให้จิตเกาะเป็นฐานในการบริกรรม เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดสมาธิจิตขึ้นจนสามารถหยั่งลงสู่ฌานได้ จึงได้ชื่อว่า รูปาวจรฌาน อาศัยรูปหยั่งลงสู่ฌาน สะกดโลภะ โทสะ โมหะกิเลสอยู่ จิตเป็นสมาธิ จึงไปเกิดในพรหมโลกตามอำนาจของฌานได้

ถ้าการทำกัมมัฏฐานชนิดใดๆ ก็ตาม ยังยึดติดในรูปที่เห็น ว่าเป็นของจริงว่าเป็นของวิเศษ ว่าเป็นความเลิศประเสริฐ ความสำเร็จของผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐานชนิดนั้นเมื่อมรณกรรมนิมิตปรากฏ เห็นภาพที่ตนเองทำบุญกุศลก็จะพอใจดีใจปีติ ด้วยอำนาจของความฟุ้ง ด้วยความยินดีในกาม อันเป็นโลภะ ปฐมฌานไม่สามารถถึงได้ กรรมก็จะส่งไปสวรรค์หรือมนุษย์ตามอำนาจของกรรมเท่านั้น เพราะคิดว่าเป็นของจริงตามที่เคยฝึกมา พรหมโลกถึงไม่ได้

ถ้ามรณกรรมนิมิตปรากฏเห็นเป็นภาพว่าตนเคยทำความชั่ว การฝึกให้เชื่อว่านิมิตเป็นของจริง เมื่อเห็นก็จะกลัวผลแห่งกรรมนั้น ดับไปขณะนั้นก็ไปอบายภพใดภพหนึ่ง กัมมัฏฐานชนิดนี้ จึงป้องกันผู้ปฏิบัติจากอบายไม่ได้เลย ให้ผลไม่ต่างอะไรกับการให้ทานรักษาศีลเท่านั้นเอง เป็นเพียงมีสมาธิบ้าง แล้วสร้างจินตนาการ ให้มโนภาพเกิดขึ้น คล้ายอุคหนิมิต ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกต้องก็เป็นอุคหนิมิตได้

ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลของสมถกัมมัฏฐาน หรือเรียกว่ายังไม่ใช่สมถะที่แท้จริง และไม่ใช่วิปัสสนาอย่างแท้จริง เป็นวิปัสสนึกได้อยู่

ส่วนผู้ที่ได้เข้าถึง ตทังคนิพพานและวิกขัมภนนิพพาน อันเกิดจากบำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐานนั้น เมื่อภาพมรณกรรมนิมิตปรากฏ ท่านกล่าวว่ากรรมที่ตนเคยทำแล้วแม้ในแสนกัลป์ก็สามารถปรากฏได้ในกรรมและกรรมนิมิต จะเป็นภาพที่เห็นว่าตนทำบุญกุศล หรือบาปอกุศลก็ตามก็จะตั้งสติที่รู้สึกเห็น แล้วกำหนดตามอาการเห็นนั้น ภาพนั้นก็จะหายไปจิตจะสะอาดจากโลภะโทสะโมหะกิเลสก่อนดับ หรือถ้าสภาวจิต ไปถึงขั้นปีติหรือกลัวแล้วก็ตาม ก็ใช้สติจับที่ความรู้สึกเหล่านั้น แล้วกำหนดตามอาการไป ก็จะปิดอบายได้ชั่วคราว ดังกล่าวแล้วในกรรมจงทบทวนเองเถิด

หลวงพ่อชัชวาล ชินสโภ


ปรับปรุง ณ วันที่ 2022-11-08